หลายคนอาจจะสงสัยว่าไทรอยด์เป็นพิษคืออะไร ซึ่งอาการไทรอยด์เป็นพิษนั้นค่อนข้างจะคลุมเครือ และมีอาการคล้ายกับอาการเจ็บป่วยอื่นๆ และหากผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษที่ไม่ได้รุนแรงมากนัก ก็จะไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาโดยเฉพาะในกลุ่มคนสูงอายุ อาการไทรอยด์เป็นพิษจะไม่ค่อยแสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ไทรอยด์เป็นพิษก็ถือเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้เช่นกัน ตามมาดูพร้อมๆ กันดีกว่าค่ะว่าอาการ สาเหตุ วิธีการรักษา วิธีดูดไขมัน และวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอาการไทรอยด์เป็นพิษมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะสามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากอาการนี้กันค่ะ
ไทรอยด์เป็นพิษคืออะไร
ไทรอยด์เป็นพิษ หรือ Hyperthyroidism คือ ภาวะที่ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนออกมามากจนเกินไป จึงส่งผลทำให้ระบบเผาผลาญทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นภาวะที่ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วจนผิดปกติ นอกจากนี้ต่อมไทรอยด์ยังส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดปกติ หงุดหงิด ฉุนเฉียว เหงื่อออกง่าย เป็นต้น
อาการของไทรอยด์เป็นพิษ
ในส่วนของอาการไทรอยด์เป็นพิษนั้น ค่อนข้างจะคลุมเครือและมีความคล้ายกับอาการเจ็บป่วยอื่นๆ แต่อาการที่พบได้มากที่สุดก็คือ อาการคอพอก ซึ่งอาการนี้เป็นอาการที่ต่อมไทรอยด์โตขึ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหรือเห็นก้อนที่มีขนาดใหญ่อยู่ที่บริเวณคอ นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากอาการไทรอยด์เป็นพิษอีกด้วยนั่นก็คือ
1.มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน
2.ถ่ายเหลว
3.อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย วิตกกังวลบ่อย และไม่มีสมาธิ
4.มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา ตาโปน หรือเห็นภาพซ้อน
5.เส้นผมเปราะบาง ขาดและหลุดร่วงง่าย
6.เล็บยาวผิดปกติ
7.มีอาการคัน
8.เหงื่อออกเป็นจำนวนมาก
9.ผิวหนังบอบบาง
10.กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะที่บริเวณต้นแขนและต้นขา
11.มีรอบเดือนผิดปกติและมาไม่สม่ำเสมอ
12.ประจำเดือนมีสีจาง
13.หัวใจเต้นเร็วมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
14.น้ำหนักลดลง แต่มีความอยากอาหารมากยิ่งขึ้น
15.ในเพศชายอาจพบเว่าเต้านมมีขนาดใหญ่
สาเหตุที่ทำให้เกิดไทรอยด์เป็นพิษ
อย่างที่หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดไทรอยด์เป็นพิษ เกิดขึ้นจากการที่ต่อมไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายมีปริมาณฮอร์โมนไทรอยด์มากกว่าความต้องการของร่างกายนั่นเอง จนส่งผลให้เกิดสภาวะเป็นพิษ ทำให้ร่างกายในส่วนต่างๆ ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดไทรอยด์เป็นพิษแบ่งออกได้ดังนี้
1.การกินอาหารที่มีไอโอดีนมากเกินไป เพราะไอโอดีนเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์
2.ต่อมไทรอยด์อักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสามารถส่งผลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ได้ เนื่องจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์จะทำให้ฮอร์โมนถูกผลิตออกมามากยิ่งขึ้น และส่งผลให้ฮอร์โมนรั่วไหลออกไปที่กระแสเลือดได้
3.เนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ ซึ่งมักเกิดที่บริเวณต่อมใต้สมอง ส่งผลให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้นจนกลายเป็นพิษ แต่สาเหตุนี้เป็นกรณีที่พบได้น้อยมาก
4.ร่างกายได้รับการเสริมฮอร์โมนไทรอยด์ที่มากเกินไป เช่น ยาที่มีส่วนประกอบของไอโอดีนบางชนิด หรือยาอะไมโอดาโรนที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีส่วนทำให้เกิดการหลั่งของฮอร์โมนไทรอยด์มากขึ้นจนกลายเป็นพิษได้
5.เป็นโรคเกรฟส์ หรือ Graves’ Disease ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนไทโรซีนมากเกินไปจนกลายเป็นพิษ แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคชนิดนี้ แต่ก็พบว่าโรคดังกล่าวนี้มักเกิดขึ้นในผู้หญิงช่วงวัยรุ่นและวัยกลางคน
วิธีรักษาไทรอยด์เป็นพิษ
การรักษาไทรอยด์เป็นพิษนั้น จะขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอายุ ร่างกาย สาเหตุ หรือความรุนแรงของอาการ ซึ่งในการรักษาไทรอยด์เป็นพิษจะมีวิธีการรักษาดังนี้
1.การกินยาต้านไทรอยด์ เช่น ยาเมไทมาโซล (Methimazole: MMI) หรือ ยาโพพิลไทโออูราซิล (Propylthiouracil: PTU) ซึ่งยาต้านไทรอยด์สองชนิดนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย
2.รักษาด้วยรังสีไอโอดีน ซึ่งเป็นการรักษาโดยการกินสารรังสีไอโอดีน เป็นสารที่มีความปลอดภัย จะถูกดูดซึมโดยต่อมไทรอยด์ และจะทำลายเนื้อต่อม จนทำให้ต่อมไทรอยด์ค่อยๆ หดตัวลง ทำให้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ
3.ผ่าตัดต่อมไทรอยด์ เป็นวิธีการรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยตั้งครรภ์ หรือผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาหรือรักษาด้วยรังสีไอโอดีนได้
4.ใช้ยาต้านเบต้า ซึ่งเป็นยาที่ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจให้เต้นช้าลง ช่วยบรรเทาอาการใจสั่นและอาการวิตกกังวล ซึ่งวิธีการรักษานี้มักจะใช้กับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง
5.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร เนื่องจากโรคไทรอยด์เป็นพิษจะก่อให้เกิดภาวะขาดน้ำ จึงต้องพยายามดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อลดภาวะขาดน้ำนั่นเอง
ไทรอยด์เป็นพิษนั้น ถือเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกายซึ่งไม่สามารถป้องกันได้ จึงต้องอาศัยการหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ รวมทั้งอาการที่บ่งบอกถึงการเป็นไทรอยด์เป็นพิษอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการไทรอยด์เป็นพิษได้ดีมากๆ เช่นกัน
